Archive for 2013
บทสรุปเกม God of War: Ascension [Part II]
Chapter 16 - The Prison of Damned
กลับมาปัจจุบันจะพบเครเบรอสและฝูงศัตรูออกมา จัดการแล้วใช้สร้อยสร้างทางที่หายไป แล้วตรงเข้าไปในห้องทางซ้ายเครโทสจะพบเทพี Alecto ที่ใช้ภาพหลอนอีกครั้ง แต่จะรู้ตัวถีบมันกระเด็นจนหนีไป จากนั้นให้เข้าห้องทางซ้ายจะพบศัตรูตัวใหม่จัดการแล้วปีนกำแพงขึ้นไปด้านบน ใช้สร้อยฟื้นสภาพเมืองแล้วกระโดดลงไปใช้โซ่เกาะแสงสีเขียวด้านล่างเข้าไปในวิหาร
Chapter 17 - Matyr’s Chamber
ในห้องนี้จะมีปริศนาให้แก้ โดยไปสำรวจเครื่องทรมานกลางห้องเอาศพออกมา แล้วกด R1 เปิดเครื่อง จากนั้นให้เดินไปที่ศพที่ถูกแขวนอยู่ ใช้สร้อยทำลายเครื่องจักรที่ล็อกแล้วใช้โซ่ดึงศพมาที่เครื่องทรมาน ให้ยกศพเดินเข้าไปในช่องทางขวาแล้วกดลิฟต์ขึ้นชั้นบน เอาศพไปโยนลงแท่นหินที่เป็นสวิตช์ทางซ้าย พื้นทางขวาจะเลื่อนขึ้นมาซ้อนลังเหล็ก แล้วค่อยกระโดดข้ามไปด้านในจะพบตาแก่วิกลจริตคนหนึ่ง เข้าไปต่อจะพบศัตรูอีกชุดจัดการซะ จากนั้นดึงแท่นหินด้านในออกมาตรงกลางห้องใช้เป็นแท่นกระโดดขึ้นด้านบนจะพบ Alecto เธอจะเรียกนกปีศาจออกมา แต่เครโทสจะดึงหัวใจมันออกมาจนหนีไป
Chapter 18 - Delos Landing
สองสัปดาห์ต่อมาเครโทสจะล่องเรือมาที่เกาะต้องสาป เมื่อเข้ามาถึงจะพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้วสำรวจหอกที่ทิ่มศพจะมีปีศาจปรากฏตัวออกมาในทะเลและเหวี่ยงซากเรือทำลายท่าเรือจนพัง ให้ใช้สร้อยฟื้นสภาพจากเดิมครึ่งหนึ่งจะพบทางไปต่อ เมื่อขึ้นมาด้านบนใช้สร้อยคืนสภาพท่าเรือที่ถูกทุบจนพังให้เป็นแบบเดิมแล้วสับคันโยกลิฟต์ขึ้นชั้นบนจะพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้วไปดึงหินทางขวา ปีศาจยักษ์ในทะเลจะหวดหนวดใส่กระเด็นมาอีกฝั่ง และจะพบศัตรูอีกชุดจัดการแล้วขึ้นไปด้านบนจะพบศัตรูที่เป็นช้าง จัดการมันแล้วไปทางขวาไต่ผนังแล้วกระโดดถีบกำแพงเข้าไปด้านใน ใช้โซ่ดึงแกนไม้ให้หมุนแล้วกระโดดเกาะแผ่นไม้ที่ยื่นออกมาข้ามไปอีกฝั่ง จากนั้นกระโดดลงมาด้านล่างจะพบศัตรู จัดการและจะต้องแก้ปริศนาในห้องนี้โดยไปดึงแท่นทางซ้ายมาทางขวาใช้เป็นแท่นกระโดดขึ้นไปชั้นบนแล้วฟันก้านไม้ที่ขวางเฟืองอยู่ออก จะมีจุดสีเขียวปรากฏออกมา ให้ลงมาดึงคันโยกด้านล่างแล้วใช้สร้อยคืนสภาพโซ่ให้กลับเป็นเหมือนเดิม ลงมาดึงแท่นกลับไปที่ช่องเดิมและไปดึงคันโยกมาด้านขวาแล้วรีบวิ่งไปดันแท่นเข้าช่องเฟือง จากนั้นเดินไปที่โซ่ใกล้คันโยกฟื้นสภาพมันให้กลับสภาพเดิมแล้วไปดึงคันโยกไปทางขวาอีกครั้ง เฟืองที่มีจุดสีเขียวมันจะเลื่อนออกมา ให้กระโดดเกาะเฟืองขึ้นไปด้านบนจะออกมาด้านนอกได้
Chapter 19 - The Foot of Apollo
ให้ไต่ผนังขึ้นด้านบนจะพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้วฟันทำลายแท่นไม้ข้างหน้าให้มันถล่มลงมา ให้กระโดดขึ้นไปที่นั่นแล้วปีนกำแพงโหนเข้าไปด้านในดึงคันโยกจะมีศัตรูออกมา จัดการให้หมดแล้วหนวดปีศาจจะตวัดทุบพื้นที่ยืนอยู่จนพังให้รีบกระโดดเกาะเข้าไปในส่วนหัวของอพอลโล่จะพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้วไปดึงโซ่ทางขวาให้พื้นเลื่อนขึ้นแล้วกระโดดขึ้นไปหมุนเฟืองมันจะดันแท่นที่อยู่ด้านในตกลงมา ใช้เป็นแท่นกระโดดเข้าไปด้านในแล้วดึงเฟืองให้หมุน จากนั้นกระโดดเข้าไปต่อจะพบศัตรูที่เป็นเซนทอร์ 2 ตัว จัดการแล้วสำรวจตรงจุดที่มีแสงดึงโซ่ลงมาใช้กระโดดเข้าไปด้านในจะพบห้องที่มีไฟพุ่งออกมาข้างๆ ให้เหยียบสวิตช์ทางซ้ายให้พื้นเลื่อนขึ้นแล้วค่อยกระโดดออกมาด้านนอก จากนั้นใช้โซ่โหนแสงสีเขียวเข้าไปด้านในยังส่วนแขนของอพอลโล่
Chapter 20 - The Gauntlet of Apollo
เมื่อมาถึงจะพบภาพหลอนของเทพี Alecto และต้องสู้กับ Magaera เธอจะเรียกทหารหอกออกมา จัดการพวกมันแล้วเธอจะลงมาสู้กับเรา ให้จัดการหล่อนแล้วสักพักเธอจะหนีขึ้นไปบนบ้าน จัดการพวกทหารแล้วเอาหอกของมันหยิบมาปาใส่ก็จะจัดการเธอได้ แล้ว Alecto จะส่งนกยักษ์มาสู้กับเราแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอจึงเข้ามาสู้กับเราเองให้สู้กับเธอสักพักแล้วตัว Magera จะมาช่วยรุม ให้พยายามเพ่งเป้าโจมตีไปที่ Alecto เป็นหลักก็จะจัดการพวกเธอได้ แต่สุดท้ายเครโทสจะถูกจับด้วยฝีมือของเทพี Tisiphone แต่ว่า Orkos จะปรากฏตัวออกมาและวาร์ปพาเราหนีไปและมอบไอเทม The Oath Stone of Orkos ที่มีความสามารถสร้างตัวดัมมี่แก่เครโทส จากนั้นให้ดันแกนให้ครบรอบแล้วกด L2 ค้าง กับปุ่มสามเหลี่ยม เราจะสร้างตัวดัมมี่มายืนดันคันโยกแทน (สร้างขึ้นมาช่วยต่อสู้ได้ด้วย) แล้วให้เรารีบกระโดดเกาะเฟืองด้านในขึ้นด้านบน สร้างดัมมี่เหยียบสวิตช์ทางขวาแล้วโหนตัวเข้าไปด้านใน
Chapter 21 - The Forearm of Apollo
เมื่อมาถึงศัตรูจะบุกเข้ามา จัดการให้หมดจากนั้นปีนกำแพงทางซ้ายขึ้นมาด้านบนจะพบจุดที่ต้องใช้โซ่ดึงพื้นเข้ามาแล้วกระโดดข้ามไป จะพบทางที่เป็นพื้นกระดกให้เดินไปทางซ้ายแล้วสร้างตัวดัมมี่ถ่วงพื้นให้สูงแล้วรีบกระโดดไปทางขวา ไต่เข้าไปด้านในจะพบศัตรูคือเครเบรอสและฝูงหมาอีกชุด จัดการแล้วเดินไปทางขวาดึงโซ่เข้ามาติดแล้วกดใช้ดัมมี่ จากนั้นหันซ้ายใช้สร้อยคืนสภาพโซ่ครึ่งหนึ่งใช้เป็นแท่นกระโดดเข้าไปด้านในจะพบแท่นลิฟต์ ให้ใช้ตัวดัมมี่เหยียบสวิตช์ให้แท่นเลื่อนขึ้นแล้วจะมีศัตรูออกมา จัดการให้หมดพอมาถึงชั้นบนก็ให้ออกไป
Chapter 22 - The Ribs of Apollo
ให้กระโดดเกาะตามแสงสีเขียวแล้วปีนซากรูปปั้นเข้าไปด้านในจะพบศัตรูที่เป็นพวกมิโนทอร์จัดการแล้วเข้าไปด้านใน
Chapter 23 - The Furnace
เมื่อเข้ามาถึงจะพบศัตรูชุดใหญ่ จัดการให้หมดแล้วเราต้องแก้ปริศนาในห้องนี้ ให้ทำลายแผ่นไม้ใกล้ๆ เฟืองที่มีแสงกะพริบ แล้วไปช่องขวาหยิบแท่นหินด้านในมาใส่ในช่องที่เราทุบแผ่นไม้ จากนั้นหมุนเฟืองให้พื้นเลื่อนเข้ามาแล้วรีบกระโดดข้ามไปแล้วขึ้นมาด้านบน เข้ามาดึงคันโยกให้บานพับเปิดแล้วสร้างดัมมี่ กระโดดเข้าไปที่ช่องนั้นแล้วดึงเฟืองทางขวา ประตูจะเปิดออกย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น เข้าไปดึงแท่นหินในช่องที่ทำลายแผ่นไม้มาใส่ในช่องทางขวาของเฟืองที่เราเปิดประตูย้อนกลับมาจุดเริ่มต้น แล้วให้ดึงเฟืองสะเก็ดไฟจะทำให้หินกลายเป็นสีแดง ดึงแท่นหินนั้นกลับไปยังที่เดิมของมันในตอนแรกแล้วกดใช้สร้อยคืนสภาพมันให้ไฟลุกไหม้จนสุด ความร้อนของไฟจะทำให้หินด้านบนเตาหลอมละลายจนทรายไหลลงมา ให้ดึงแท่นหินนั้นออกมาแล้วเข้าช่องข้างเฟืองใกล้ๆ แล้วหมุนเฟือง ทรายจะตกลงมาที่แท่นหิน ดันแท่นหินไปเข้าล็อกทางซ้ายมือ (ใกล้ๆ กับเฟืองที่มีสะเก็ดไฟ) แล้วใช้สร้อยฟื้นสภาพหินให้ไฟพุ่งจะทำให้เครื่องจักรที่นี่ทำงานได้ จากนั้นย้อนออกมาจะพบศัตรูจัดการแล้วหมุนเฟืองดึงพื้นเข้ามาแล้วขึ้นไปข้างบนอีกครั้งจะพบว่าบานพับที่เตาตรงกลางขยับไปมา ให้กระโดดเหยียบบานพับมาขึ้นลิฟต์ตรงกลาง ตรงเข้าไปตามทางแล้วปีนขึ้นมาด้านบนหมุนเฟือง แล้วเดินย้อนมาจะพบศัตรูอีกชุด จัดการมันแล้วมองไปทางขวาจะพบเฟืองเลื่อนขึ้นลงให้กระโดดเกาะตามเฟืองไปจะเข้าสู่ส่วนไหล่ของอพอลโล่
Chapter 24 - The Shoulder of Apollo
เมื่อขึ้นมาเราต้องสู้กับศัตรูชุดใหญ่ ให้พยายามใช้ท่าจับเหวี่ยงจะช่วยให้ต่อสู้ง่ายขึ้นเพราะจังหวะจับเหวี่ยงจะเป็นอมตะ เมื่อจัดการได้ให้เข้าไปใช้สร้อยฟื้นสภาพตรงที่มีแสงกะพริบจะทำให้รูปปั้นอพอลโล่คืนสภาพเป็นดังเดิม ทำให้โคมยักษ์ที่จมอยู่ใต้น้ำลอยขึ้นมา จากนั้นให้ไปทางขวาจะเป็นทางสไลด์ย้อนกลับไปที่เตาหลอม
Chapter 25 - The Furnace
ให้หมุนเฟืองเปิดประตูแล้วไปหมุนเฟืองในห้อง พื้นจะเลื่อนขึ้นด้านบนแล้วจะมีศัตรูปรากฏออกมา ให้จับมันโยนใส่กองไฟจะทำให้พื้นเลื่อนขึ้นด้านบนเร็วขึ้น เมื่อขึ้นมาจนสุดให้ไปดึงคันโยกมาตรงกลางแล้วกดสร้างตัวดัมมี่ จากนั้นไปหมุนเฟืองทางขวาจะมีแสงพุ่งออกมาจากหัวของอพอลโล่ แล้วพื้นจะเลื่อนขึ้นอีกพร้อมศัตรูปรากฏขึ้นมาอีกชุด จัดการมันแล้วโยนศัตรูลงไปที่กองไฟตรงกลางจะทำให้พื้นเลื่อนเร็วขึ้น เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนใช้สร้อยฟื้นสภาพหัวของอพอลโล่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
Chapter 26 - Eyes of Apollo
ขึ้นไปบนแท่งน้ำแข็งกลางห้องแล้วดันแท่งหินลงมาจะทำให้แท่งคริสตัลลอยขึ้นด้านบน และจะมีศัตรูปรากฏออกมาจัดการให้หมด จากนั้นดันแท่งหินไปทางซ้ายกระโดดขึ้นไปสับสวิตช์ แล้วลงมาด้านล่างดันแท่งหินไปทางขวา ใช้กระโดดขึ้นด้านบน ขึ้นบันไดไปจะเห็นรางเลื่อนทางซ้ายมือ ให้ขึ้นไปรอบนรางจนเลื่อนเข้าไปถึงตรงกลางรางก่อนถึงแท่งคริสตัลค่อยสร้างตัวดัมมี่และให้รีบกระโดดลงมาด้านล่าง กระโดดขึ้นไปดึงโซ่ให้ตัวล็อกเลื่อนออกมา แล้วรอจนตัวดัมมี่ตกลงมาทับคริสตัลจะทำให้ลำแสงพุ่งผ่านคริสตัลยิงแสงออกจากตาอพอลโล่พอดี จะมีบันไดเลื่อนลงมาให้ขึ้นบันไดนั้นออกมาด้านนอกแล้วเครโทสจะกระโดดเกาะแมนติคอร์ที่บินเอยู่เข้าไปในโคมยักษ์
Chapter 27 - The Lantern of Delos
ให้ไปเปิดประตูทางซ้าย แต่ทว่ามันจะเปิดไม่ได้ ให้ย้อนไปตรงกลางแล้วดันคันโยก รูปปั้นจะส่องแสงเปิดประตูทางขวา ให้ดึงคันโยกจนสุดแล้วสร้างดัมมี่ดึงคันโยกไว้แล้วค่อยวิ่งเข้าไปที่ประตูแสงสีฟ้าทางขวา
Chapter 28 - Trial of Achimedes
ให้เดินไปเปิดประตูทางขวาแล้วกรงที่ครอบรูปปั้นกลางห้องจะเปิดออก เข้าไปสำรวจจะได้ไอเทม Eyes of Truth แล้วพื้นจะเลื่อนลงมาด้านล่าง ให้กดใช้ดวงตาตรงที่มีแสงกะพริบโดยกด L2 ค้างแล้ววงกลมจะเห็นเฟืองที่ถูกล็อกเมื่อดึงออกพื้นจะเลื่อนขึ้นแล้วจะมีศัตรูปรากฏออกมา ซึ่งตรงนี้จะพบศัตรู 3 ชุดด้วยกัน ชุดแรกเป็นพวกเมดูซ่า ชุดที่สองเป็นทหารหอกและนักรบค้อน ส่วนชุดที่สามจะเป็นเซนทอร์และจอมเวท ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ต่อเนื่องถ้าพลาดต้องเริ่มใหม่ ฉะนั้นจงใช้ทุกความสามารถที่มีทั้งสโลด์ ดัมมี่ เวท มีเท่าไหร่งัดมาใช้ให้หมดก็จะผ่านไปได้
จากนั้นให้ไปปิดประตูทางขวา แล้วตรงกลางจะมีกรงปรากฏออกมา ให้ใช้ดวงตาทำลายหนามที่เกาะคันโยกแล้วดึงให้สุด ใช้ดัมมี่ดึงค้างไว้ จากนั้นไปที่จุดวาร์ปทางซ้าย ใช้ดวงตาทำลายรั้วแล้วเดินเข้าไปพื้นจะเลื่อนลงมาด้านล่าง ให้เข้าไปเปิดประตูจะพบ Fury 3 พี่น้องที่จับกุมตัว Orkos อยู่ และพวกเธอได้ชิงดวงตา Eyes of Truth กลับไปและจับกุมตัว Kratos ได้อีกครั้ง
Chapter 29 - The Fury Cintadel
ให้ดึงคันโยกแล้วโคมที่มีแสงสีเขียวจะเลื่อนมาตรงกลาง ให้ใช้ดัมมี่ดึงคันโยกค้างไว้ แล้วใช้โซ่เกาะข้ามไปจะพบศัตรู จัดการแล้วเดินไปทางขวากดใช้สร้อยฟื้นสภาพสะพานที่พังแล้วข้ามไปด้านในจะพบภาพหลอนในอดีตอีกครั้ง แต่เครโทสจะจำแหวนได้และปฏิเสธข้อเสนอของเทพีทั้งสามและต้องสู้กับพวกเธอ
Chapter 30 - Alecto’s Chamber
เริ่มมาเราต้องสู้บนเรือจะมีพวกทหารหอกออกมา จัดการสักพัก Alecto จะบินเข้ามารุมพยายามจัดการ Tisiphone ที่กลายร่างเป็นปีศาจขนาดยักษ์ใช้หนวดยักษ์โจมตีเข้าที่เรือ ให้ใช้ดวงตาทำลายภาพหลอนแล้วฟันหนวดมัน ระหว่างนั้นมันจะฟาดหนวดใส่ ให้คอยกลิ้งหลบ หรือถ้าโดนพ่นหมึกใส่ให้สร้างดัมมี่ดิ้นให้หลุดออกมา เมื่อจัดการหนวดได้เราจะตกลงในน้ำและจะมีฉาก QTE ให้กดปุ่มตามแล้วเราจะต้องมาสู้กับพวกเทพีอีกครั้ง ให้หยิบหอกบนพื้นปาใส่มัน หรือเข้าไปฟันใกล้ๆ หน้าของมัน Alecto จะบินเข้ามารุม ให้พยายามจัดการมันให้ได้จะได้เลือดมาฟื้นพลัง แล้วอัด Tisiphone ต่อ ซึ่งเธอจะคอยเอาหนวดไล่แทง ให้กลิ้งหลบแล้วหาจังหวะโจมตีสวน หรือรอหยิบหอกปาใส่ก็จะจัดการเธอได้ และพบฉากจบสุดท้ายของเครโทสในภาคนี้...
The END
ที่มา : www.os.co.th
บทสรุปเกม God of War: Ascension [Part I]
God of War: Ascension
ข้อมูลโดย Mohigan
Chapter 1 - Prison of the Damned
เริ่มเกมเครโทสจะถูกลงโทษจาก Megaera หนึ่งในสามเทพี Fury ให้โยกแกนอนาล็อกซ้ายขวาเพื่อทำการโยกตัวหลบหลีก และกดปุ่มสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมโจมตีมันจนตกลงมาด้านล่าง ให้ตรงเข้าไปด้านในจะมีสอนการควบคุมเบื้องต้น เมื่อไปถึงส่วนคุกจะถูก Megaera ทุบตกลงมาที่ห้องขังด้านล่าง เธอจะปล่อยแมลงวันเข้าไปสิงนักโทษจนเป็นปีศาจมาสู้กับเรา ให้จัดการพวกมันแล้วเธอจะหนีไป เดินไปที่จุดกระโดดที่พื้นกด R1 ดึงพื้นด้านบนลงมาแล้วกระโดดเกาะขึ้นไปจะพบทางออกไปที่ระเบียงด้านนอกและพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้ว Megaera จะปล่อยแมลงเข้าไปในแขนยักษ์ของ Hecaton จนกลายร่างเป็นปีศาจมาทุบตีเรา วิธีจัดการคือให้คอยกลิ้งหลบ คอยฟันแขนและตัวมันจนมันล้มให้กด R1 ใช้โซ่ดึงตัวมันแล้วกดปุ่มตามจังหวะโจมตีมันจนตกลงมาอีกจุด วิธีสู้คือ ให้คอยโจมตีแขนถ้ามันจะกวาดแขนโจมตีก็ให้หนีลงช่องข้างๆ แต่ถ้ามันจิ้มให้รีบหลบออกจากช่อง เมื่อโจมตีไปสักพักมันจะล้มให้กด R1 ใช้โซ่แล้วกดปุ่มที่ขึ้นโชว์มาให้ถูกก็จะจัดการมันได้ แล้วพื้นจะถล่มให้คอยควบคุมทิศทางไม่ให้โดนสิ่งกีดขวางและตัวเราจะตกลงมาด้านล่าง
Chapter 2 - The Sewer
ให้ปีนผนังบ่อน้ำขึ้นและปีนไต่กำแพงขึ้นมาที่ระเบียง ดันคันโยกทางซ้าย รั้วที่กั้นโซ่จะเปิดออก พร้อมกับมีศัตรูบุกเข้ามาจัดการพวกมันซะ แล้วไปกด R1 ที่โซ่ กดวงกลมรัวๆ ดึงโซ่เปิดประตูรั้วทางด้านขวา ตรงเข้าไปด้านในจะพบพวกนักโทษถูกแมลงฝังตัวจนกลายร่างเป็นปีศาจกันหมด แล้วจะมีมือขนาดยักษ์ของ Hecaton ยื่นเข้ามาจับห้องที่เราอยู่หมุนไปมาทำให้ปีศาจที่ขังอยู่หลุดออกมา ให้จัดการพวกมันแล้วจะเห็นจุดที่มีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมา ให้กด R1 เราจะกระโดดหนีออกมาจากห้อง
Chapter 3 - The Guard House
ให้ไปทางซ้ายสับสวิตช์แล้วเฟืองตรงกลางจะเลื่อนลงมา ย้อนกลับไปตรงจุดที่มีแสงกะพริบแล้วใช้โซ่ดึงสักพักจะมีปีศาจไซคอร์ปปรากฏตัวออกมา ให้คอยฟันจากระยะไกลแล้วกลิ้งหลบจะจัดการมันและขึ้นบังคับมันฟาดศัตรูที่ออกมาเพิ่มได้ เมื่อจัดการศัตรูหมดแล้วให้ดึงเฟืองมาตรงกลาง แล้ววิ่งไปทางซ้ายปีนขึ้นด้านบนแล้วกระโดดใช้โซ่เกาะแสงสีเขียวเหวี่ยงตัวข้ามไปอีกฝั่ง แล้วเลาะไปทางขวาจะพบแสงสีเขียวอีกจุดให้กระโดดไปเกาะแล้วเหวี่ยงตัวจนหน้าต่างพัง เมื่อเข้าไปบอส Hecaton จะตามมาเราต้องสู้กับมันอีกครั้ง วิธีจัดการก็เหมือนเดิมตีแขนและตัวมันและคอยกลิ้งหลบ พอมันหมอบก็ให้เข้าไปใกล้ๆ แล้วกด R1 ดึงเพดานให้ถล่มทับมัน ให้ทำแบบนี้อีกครั้งที่ฝั่งซ้าย แล้วมันจะเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีเป็นกระหน่ำทุบตรงกลางให้คอยกลิ้งหลบแล้วฟันสวนจนมันหมอบก็ให้กด R1 แล้วกดปุ่มตามจังหวะจะฆ่ามันได้ แต่ เราก็จะถูกแขนอีกข้างของ Hecaton ทุบกระเด็นเข้ามาข้างใน
ให้เข้าช่องทางซ้ายสับสวิตช์เปิดประตูแล้วเข้าไปทางขวาจะพบลิฟต์ จัดการศัตรูให้หมดแล้วกด R1 ตรงจุดที่มีแสงกะพริบจะมีศัตรูบุกออกมา จัดการให้หมดแล้วดึงแผ่นไม้ที่ล็อกลิฟต์ทั้งสองข้างออก สำรวจตรงกลาง เทพี Megaera จะดึงกำแพงอิฐตกใส่เฟืองลิฟต์ ให้กระโดดไปที่จุดนั้นแล้วกด R1 ยืดโซ่ไปเกาะจุดสีเขียวแล้วรีบปีนขึ้นไปด้านบนก่อนที่เฟืองลิฟต์จะขึ้นมาบดตัวเรา
Chapter 4 - The Hecatonchires
เมื่อขึ้นมาให้ไปทางซ้ายจะพบห้องที่มีสาวๆ นอนเปลือย (แฟนเซอร์วิสชัดๆ) แต่ทว่าเครโทสจับได้ว่ามันเป็นภาพลวงจึงจัดการพวกหล่อนทันที แต่เขาก็ถูกอัดจนกระเด็นออกมาที่ลานกว้างที่ระเบียงด้านนอก ที่นี่เราต้องสู้กับศัตรูอีกฝูงจัดการพวกมันแล้ว Megaera จะปล่อยแมลงเข้าไปที่ตาของ Hecaton จนกลายเป็นปีศาจ แล้วจะมีศัตรูออกมาอีกชุด เมื่อจัดการแขนปีศาจจะงอกมาอีก 2 ด้าน เลือกฟันด้านใดด้านหนึ่งแล้วเครโทสจกระโดดขึ้นไปเกาะบังคับมันโจมตีส่วนหัว (กดสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยม) และใช้โซ่ดึงบอสเข้ามาใกล้ จากนั้นให้กระหน่ำโจมตีเธอพร้อมโยกตัวหลบไปด้วยก็จะจัดการเธอได้
Chapter 5 - The Village of Kirra
3 สัปดาห์ต่อมามีชายปริศนา Orkos ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับมอบไอเทม Lost Treasure แก่เครโทส จากนั้นตรงเข้าไปด้านในจะพบอาวุธใหม่ Club ที่มีคุณสมบัติฟาดศัตรูให้กระเด็น แล้วตรงเข้าไปจะพบศัตรูใหม่เป็นช้าง 2 ตัว จัดการมันแล้วเราจะต้องแก้ปริศนา โดยเข้าไปในช่องทางซ้ายจะพบคันโยกให้หมุน ไปทางขวาดึงแท่นไปฝั่งซ้ายตรงที่มีกล่องสีแดงข้างบน ใช้แท่นกระโดดขึ้นด้านบนแล้วไต่เชือกไปฝั่งตรงข้าม เข้าไปด้านในจะได้ความสามารถใหม่ The Rage of Ares โดยกด L3 + R3 พร้อมกันเพื่อระเบิดพลังเพลิงเมื่อโจมตีศัตรูต่อเนื่องจนเกจทางขวาสะสมจนเต็ม จัดการศัตรูให้หมดแล้วจะได้ความสามารถเวทไฟ โดยกดปุ่ม R2 เมื่อจัดการศัตรูหมดแล้วประตูจะเปิดออก เข้าไปต่อจะพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้วตรงเข้าไปอีก ไต่หน้าผาขึ้นมาชั้นบนจะพบเฟืองขนาดยักษ์ ให้ดึงดันโยกตรงกลางให้เฟืองหมุนลง แล้วใช้เฟืองนั้นเป็นแท่นกระโดดขึ้นชั้นบน ขึ้นมาจะพบประตูแต่เข้าไม่ได้ ให้ไต่ผนังทางขวาไปแต่เราจะพลาดตกสะพานลงมาด้านล่างจัดการศัตรูที่โผล่มาแล้วสำรวจตรงจุดที่มีแสงกะพริบดึงเสาหินลงมาเป็นแท่นกลับขึ้นไปด้านบน จะพบศัตรูแบบใหม่งูกอร์กอนจัดการมันแล้วเปิดประตูเข้าไป
Chapter 6 - The Cistern
ด้านในจะเป็นห้องที่มีรูปปั้นหัวกระทิง ให้กระโดดขึ้นไปด้านบนจะพบทางสไลด์ เมื่อไหลไปตามทางสักพักให้ใช้โซ่ไปกระโดดเกาะแสงสีเขียวแล้วปีนไต่ขึ้นด้านบนจะได้พลังใหม่Ice of Poseidon แล้วเข้าไปต่อจะสำรวจจุดที่มีแสง เราจะขึ้นไปบนรูปปั้นงูส่งเข้าไปที่หอคอย ให้กระโดดเข้าไปด้านในแล้วปีนขึ้นไปบนหอคอย
Chapter 7 - The Tower of Delphi
ที่นี่จะพบศัตรูที่เป็นคิเมร่า จัดการมันแล้วดึงคันโยกมาตรงกลางจะมีทางเข้าปรากฏออกมา ให้เข้าไปจะพบรังปีศาจจัดการพวกมันให้หมดแล้วตรงเข้าไปต่อจะมีทางออกจากตัวงู แล้วเดินไปตามทางจะพบจุดที่มีแสงสีเขียวให้กระโดดใช้โซ่เกาะโหนตัวเข้าไปด้านใน
Chapter 8 - The Phyton’s Belly
ที่นี่จะได้พลังสายฟ้า Lightning of Zeus จากนั้นให้ตรงไปตามทางจะพบสัตว์ประหลาดสีดำจัดการมันแล้วจะปลดล็อกงูตัวที่สองส่งพลังงานไปที่หอคอย แล้วตรงไปต่อปลดล็อกงูตัวที่สาม
Chapter 9 - The Carverns
หุ่นงูจะบินเข้าไปที่ถ้ำ Ice Carverns ให้ฟันไม้ที่กั้นขวางทางปล่อยให้งูพาเข้าไปด้านในแล้วจะพบจุดที่มีแสงสีเขียว ให้กระโดดไปเกาะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนงูตัวที่สามไปเกาะหอคอย ปีนขึ้นไปที่ลานบนหอคอยแล้วจะต้องสู้กับปีศาจแมนติคอร์ วิธีจัดการคือ ให้คอยกลิ้งหลบตอนมันพ่นไฟ ไล่โจมตีจัดการดึงปีกมันจนมันตกลงมากับพื้นแล้วมันจะเรียกลูกน้องออกมาช่วย ให้ใช้โซ่ดึงลูกน้องมาเหวี่ยงใส่มันหรือจัดการพวกลูกน้องก่อนค่อยไปจัดการบอสก็จะชนะมันได้
Chapter 10 - Temple of Delphi
จากนั้นให้ไปดึงแกนตรงกลางประตูทางเข้าก็จะเลื่อนเข้ามา ให้ตรงเข้าไปในวิหารจะพบกับปีศาจเครเบรอส ให้สู้กับมันสักพักแล้วมันจะเรียกลูกจ๊อกออกมา ให้จับพวกมันปาใส่สลับกับโจมตีก็จะจัดการมันได้ไม่ยาก แล้วใช้โซ่ดึงแท่นด้านหน้าเป็นบันไดยื่นออกมา เมื่อขึ้นไปจะพบว่าประตูด้านหน้าล็อกปิดอยู่ ให้เดินไปที่กลุ่มควันสีเขียวแล้วเวลาจะเหมือนกับถูกย้อนไปในอดีต ให้กลับไปที่ประตูหน้าแล้วฟันทำลายประตูเข้าไป
ด้านในจะพบห้องที่มีนาฬิกาทรายอยู่ตรงกลางและพวกคนงานกำลังขนรูปปั้นอยู่ เมื่อจบคัตซีนให้เดินเข้าไปที่ควันสีเขียวแล้วไปทางซ้ายฟันทำลายประตูเข้าไปด้านในสุดจะมีควันสีเขียวอีกจุด เข้าไปแล้วพื้นจะถล่มลงไปในโซน The Delphi’s Catacomb
ให้ลงไปจะได้พลังของฮาเดส Soul of Hades มาใช้ จากนั้นจัดการศัตรูให้หมด เข้าไปต่อจะพบห้องที่มีรูปปั้นที่ใช้ค้อนและมันจะออกมาสู้กับเรา จัดการแล้วดึงรูปปั้นมาทางซ้ายเป็นแท่นกระโดดขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วไปสับคันโยกทางขวา พื้นจะเลื่อนลงมาด้านล่างที่เป็นพื้นหนาม ให้กระโดดขึ้นบนโคมที่แขวนแล้วใช้โซ่ดึงรูปปั้นงูจะมีควันสีเขียวปล่อยออกมาทำให้เวลาย้อนกลับไปอดีตให้รีบวิ่งข้ามไป กระโดดเกาะโคมอีกอันแล้วใช้โซ่ดึงรูปปั้นงูให้ควันสีเขียวออกมาอีก แล้วรีบตรงไปใช้โซ่ไปยึดตรงแสงสีเขียวเหวี่ยงตัวชนประตูเข้าไป
เราจะพบห้องที่มีควันสีเขียวอีก ให้เข้าไปแล้วรอสักพักพื้นจะถล่มและมีศัตรูออกมา จัดการมันซะ ระหว่างนั้นประตูทางขวาจะเปิดออกให้รีบวิ่งเข้าไปที่ควันสีเขียวแล้วรีบตรงเข้าไปจะพบห้องที่มีนาฬิกาทรายแล้วศัตรูจะปรากฏออกมา จัดการพวกมันซะแล้วเราจะต้องแก้ปริศนาในห้องนี้
Chapter 11 - The Delphi’s Catacombs
ให้ไปโยกคันโยกที่ห้องทางขวาแล้วไปที่ควันสีเขียว พื้นจะถล่มลงมาให้กระโดดไปที่กองหินนั้นจะมีจุดสีเขียวให้เกาะขึ้นด้านบนและกระโดดขึ้นไปที่โคมที่แขวนกลางห้อง กระโดดไปข้างหน้าและไปทางซ้ายสับสวิตช์แล้วตรงเข้าไปด้านในเลี้ยวขวาเดินเข้าควันสีเขียวให้เวลาย้อน แล้วเดินไปทางขวาทุบประตูที่ร้าว ย้อนกลับมาที่ควันสีเขียวอีกครั้ง ให้เดินย้อนกลับมาตรงที่พื้นยุบลงไปจะพบศัตรู จัดการให้หมดแล้วไปดันรูปปั้นทางขวามารอตรงช่องที่เราตกลงมา เดินไปทางซ้ายปีนบันไดขึ้นไปรมควันอีกครั้งแล้วให้กระโดดลงมา ดันรูปปั้นเข้าช่องให้ฤทธิ์ควันหมดให้พื้นดันรูปปั้นขึ้นมาด้านบน จากนั้นดันรูปปั้นให้เข้าประตูที่เราทุบตอนแรกแล้วผลักรูปปั้นตกลงมายังห้องโถงที่มีนาฬิกาทราย ดันรูปปั้นมาที่สวิตช์หน้าห้องเพื่อเข้าไปเก็บไอเทมทางซ้าย แล้วดันรูปปั้นไปชิดลานวงกลมกลางห้องเข้าไปในควันสีเขียวทางขวาแล้วกระโดดขึ้นไปบนรูปปั้น ให้กระโดดขึ้นบนโคมเข้าไปใช้โซ่ดึงโคมชนนาฬิกาทรายตกลงมาทับสวิตช์เปิดช่องลงมาด้านล่าง
Chapter 12 - The Oracle’s Chamber
เมื่อตกลงมาจะพบ Pollux and Castor เขาจะหนี ให้รีบวิ่งตามโดยพื้นจะค่อยๆ ถล่ม ให้คอยกะจังหวะกระโดดแล้วเกาะแสงสีเขียวข้ามไปเรื่อยๆ แล้วจะได้สู้กับเขา ซึ่งบอสตัวนี้มีเทคนิคในการผ่านได้ง่ายๆ โดยการตีเสาให้หินหล่นลงมาแล้วเขวี้ยงใส่มัน หรือถ้าใครอยากจะโซโล่หวดเดี่ยวก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องระวังวงพื้นสีเขียวที่บอสโจมตี มันจะทำให้เราเคลื่อนไหวช้า กับท่าที่ทำให้พื้นถล่ม ให้กะจังหวะดีๆ ก็สามารถหลบได้ไม่ยากนัก หลังจากที่ฆ่าได้เราจะหล่นลงมาพร้อมกับได้สร้อย Amulet of Uroborus ที่มีความสามารถฟื้นสภาพสิ่งของให้กลับเป็นแบบเดิมได้
Chapter 13 - Passage To Delphi
จากนั้นให้กด L2 ค้างที่หน้ากองหินแล้วดันแกนขวาเราจะใช้ความสามารถของสร้อยฟื้นสภาพเดิมของกองหินข้างหน้าเป็นสะพานได้ แต่ให้ฟื้นแค่ครึ่งเดียวแล้วกระโดดขึ้นไปบนกองหินนั้นขึ้นไปด้านบน แล้วค่อยกดฟื้นสภาพสะพานให้เป็นแบบเดิมแล้วข้ามไปจะพบ Aletheia ที่บาดเจ็บหนัก ก่อนตายเธอจะบอกวิธีจัดการ Fury แก่เครโทส จากนั้นตรงเข้าไปด้านใน โดดลงสะพานจะพบศัตรูอีกชุดพร้อมกับสอนให้ใช้ความสามารถของสร้อยในการทำให้ศัตรูชะงักโดยกด L2 ค้างแล้วกดสี่เหลี่ยม จะทำให้ศัตรูตัวลอยค้างเปิดโอกาสให้เราโจมตี เมื่อจัดการหมดตรงไปทางซ้ายจะพบทางขาดให้ใช้สร้อยฟื้นสภาพเป็นสะพานจะพบทางเข้า The Cistern
Chapter 14 - The Cistern
กระโดดออกจากสะพานที่ช่องทางขวาลงมาด้านล่างจะพบศัตรูอีกชุด จัดการแล้วเดินตรงเข้าไปตรงที่มีหีบ ทางซ้ายจะมีช่องอยู่ เข้าไปจะพบศัตรูจัดการแล้วเดินไปทางซ้ายใช้สร้อยซ่อมสะพานแล้วข้ามไป เดินเลาะหน้าผาออกมาจะพบว่าเราย้อนกลับมาที่เฟืองยักษ์ที่เจอในตอนแรก ให้กระโดดขึ้นบนเฟืองแล้วใช้สร้อยฟื้นสภาพมันให้มันค้างอยู่ครึ่งหนึ่งแล้วลงมาด้านล่าง ดึงคันโยกให้สุดแล้วใช้สร้อยปรับสภาพให้มันเป็นซาก จะทำให้เศษเฟืองตกลงมากั้นคันโยกพอดี ให้กระโดดขึ้นเฟืองไปด้านบนแล้วใช้สร้อยสร้างสะพานที่หายไปจนเป็นทางน้ำเปิดทางลงชั้นใต้ดิน
Chapter 15 - The Grotto
ให้ดำน้ำเข้าไปด้านในจะพบศัตรู 2 ตัว จัดการแล้วเดินย้อนมาที่ตัวล็อกโซ่ทั้ง 2 ข้าง กดใช้สร้อยทำลายมันประตูทางเข้าจะเปิด เข้าไปแล้วกระโดดลงน้ำ ดำน้ำลอดช่องกำแพงที่แตกเข้าไปด้านในจะพบท่าเรือ The Harbor of Kirra ขึ้นไปบนเรือจะพบกับ Orkos เขาจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง
ที่มา : www.online-station.net/
บทสรุปเกม Tomb Raider [Part II]
ให้กระโดดเกาะกระเช้าเข้าไปยังหอด้านในจะพบศัตรูอีกชุด แล้วสักพักมันจะจับกริมเป็นตัวประกัน แต่กริมไม่ยอมตายเพื่อไม่ให้เราถูกจับ ให้ไต่เชือกขึ้นไปด้านบน จะมีศัตรูโผล่ออกมาตัดเชือก เราจะกระโดดไปเกาะที่หน้าผาได้ทัน แต่ยังถูกธนูไล่ยิง กัปตันจะมาช่วยส่องสไนเปอร์จัดการศัตรูให้กับเราได้ทันเวลา เขาจะให้เราเดินทางไปต่อ โดยเขาจะช่วยยิงจัดการศัตรูตามรายทางให้ ให้ปีนขึ้นชั้นบนเรื่อยๆ จนถึงส่วนสะพานตรงนี้ หยุดรอให้เพื่อนเราจัดการยิงศัตรูบนสะพานก่อนแล้วค่อยกระโดดข้ามไป (ฟังเสียงกัปตันตะโกนบอกStop ให้หยุด) แล้วปีนหน้าผาเข้าไปในถ้ำจะพบแซมกำลังถูกบูชายัญ เมื่อเข้าไปช่วยจะถูกรุมยำและยึดอาวุธไปเหลือแต่ธนูเท่านั้น แต่เราจะหนีมาได้ ให้ตรงไปตามทางจะพบทางที่มีควันสีเหลือง ให้ใช้ธนูไฟยิงใส่มันจะระเบิดแล้วควันจะหายไป ให้รีบวิ่งผ่านไปจะพบเบสแคมป์ - The Pitให้ตรงเข้าไปต่อจะพบห้องที่มีเผ่ากินคน ไม่ต้องสนใจให้ลงไปด้านล่างหมุนวาล์วทางขวาจะมีควันสีเหลืองพุ่งออกมา ให้ใช้ธนูไฟยิงระเบิดประตูที่ปิดอยู่ แล้วเข้าไปด้านในจะพบกลุ่มยามเดินตรวจตรา ลอบจัดการพวกมันแล้วเดินขึ้นเนินทางขวา หมุนวาล์วให้ควันพุ่งออกมาแล้วยิงธนูไฟใส่ให้มันระเบิดกรงเหล็กตกลงมาข้างล่างไว้ใช้เป็นแท่นปีนเข้าไปจะพบศัตรู จัดการแล้วเข้าไปด้านในจะพบห้องที่มีพวกศัตรูกำลังล้อมฟังผู้นำอยู่ ให้จัดการพวกมันซะ (แนะนำให้วิ่งลอดควันสีเหลืองที่อยู่ตรงซอกถ้ำฝั่งตรงข้าม แล้วดักยิงจากตรงนั้น ถ้าศัตรูเข้ามาใกล้ก็ยิงใส่ควันให้ระเบิดก็จะสามารถจัดการพวกมันได้สบายๆ) เมื่อจัดการหมดแล้วให้ออกจากซอกนั้นแล้วหันกลับหลัง ตรงซอกจะมีแท่งไม้ที่มีเชือกพันอยู่ตรงนั้นมันจะผูกกรงเหล็กไว้ ให้ใช้ธนูดึงมันหมุนออกมาแล้วยิงควันให้ระเบิดอัดโครงเหล็กใส่ประตูแล้วให้รีบหนีออกไป จะพบพวกศัตรูกำลังขนของอะไรบางอย่างให้ลอบฆ่าพวกมันให้หมด จะพบเพื่อนเรา 3 คน คือ โจนาร์ อเล็กซ์ และเรเยส ถูกจับขังอยู่บนซากเครื่องบินที่แขวนอยู่ วิธีช่วยคือ ให้หมุนวาล์วที่อยู่ใต้เครื่องบินให้ควันพุ่งออกมาแล้วยิงให้ระเบิด จะทำให้ตะแกรงเหล็กที่ติดอยู่ตรงซากไม้หลุดออกมา ให้กระโดดขึ้นบนตะแกรงแล้วโดดขึ้นไปบนซากเครื่องบิน จากนั้นให้สังเกตด้านหน้าจะมีจุดที่มีควันสีเหลืองพุ่งออกมา 2 จุด ให้ยิงธนูไฟใส่จุดล่างให้กรงเหล็กกระเด็นขึ้นไปด้านบนแล้วยิงใส่จุดบนให้ระเบิดกรงเหล็กจนระเบิดเราจะพลัดตกแต่เพื่อนเราจะดึงไว้ได้ทันให้ปีนกลับขึ้นมาด้านบน แล้วหันมาทางขวาจะเห็นวาล์ว 2 อัน ให้กระโดดข้ามไปหมุนให้ควันพุ่งออกมาแล้ววิ่งไปหลบตรงมุมให้ห่างจากควันแล้วยิงธนูไฟใส่ แรงระเบิดจะอัดซากเครื่องบินไปติดอีกฝั่งเปิดประตูให้เพื่อนเราหนีออกมาได้พอดี จากนั้นให้กระโดดเกาะตะแกรงเหล็กที่แขวนอยู่ข้ามเข้าไปในปราสาท จะพบว่ามันกำลังถล่มจากแรงระเบิด ให้รีบวิ่งหนีออกไป ก่อนถึงทางออกลาร่าจะพบเบาะแสและเข้าใจเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้จากบันทึกในห้อง และเมื่อหนีไปต่อจะพบดอกเตอร์วิทแมนที่มีท่าลุกลน เขาจะอาสาดูแลด้านหลัง ให้เข้าไปต่อจะผู้นำลัทธิมาเทียวจับแซมไว้ที่นี่ แต่มันจะถูกเรียกให้เข้าไปข้างในเปิดโอกาสให้ลาร่าลอบจัดการคนเฝ้าแล้วเข้าไปช่วยแซมและได้อาวุธที่ถูกยึดคืนไปทั้งหมดกลับคืน และจะมีศัตรูบุกเข้ามาลาร่าจะให้แซมหนีไปก่อน จากนั้นจัดการพวกมันให้หมดแล้วให้หนีออกจากปราสาทจะพบว่าพวกมันใช้ปืนกลหนักดักยิงใส่ ให้คอยวิ่งหลบเข้าไปแล้วกระโดดเกาะเชือกโรยตัวไปไปจัดการมันแต่จะถูกผลักตกลงมาด้านล่าง พร้อมปืนหัวระเบิด ให้หยิบแล้วกดRB ยิงใส่จัดการมัน แล้วลาร่าจะเอาหัวระเบิดมารวมกับปืนกลเป็นปืน Grenade Launcher ทำให้ปืนกลสามารถยิงกระสุนปืนกลและกระสุนหัวระเบิดได้ ซึ่งปืนหัวระเบิดจะสามารถทำลายกำแพงที่เป็นแผ่นเหล็กได้ เข้าไปต่อจะพบศัตรูอีกชุดจัดการแล้วแล้วปีนเข้าไปด้านในจะพบแผ่นเหล็กกั้นอยู่ ให้ใช้ปืนระเบิดทำลายเข้าไปต่อจะพบแซมกำลังถูกไล่จับตัว ให้รีบโหนเชือกลงไปด้านล่างจะมีพวกศัตรูออกมาขวางอีกชุดใหญ่ จัดการพวกมันซะแล้วเข้าไปจะพบพวกศัตรูใช้สปอตไลท์ส่องเป้าเราแล้วใช้ปืนกลยิง ให้คอยวิ่งหลบสปอตไลท์บุกเข้าไปที่ตึกทางซ้าย ปีนขึ้นไปแล้วแล้วโหนเชือกข้ามที่ตึกฝั่งขวา จะมีช่องให้ใช้ปืนระเบิดยิงใส่ป้อมปืนกลของศัตรูแล้วโหนตัวเข้าไปจะพบแซมอยู่อีกฝั่งของประตู ลาร่าจะให้แซมแยกกันแล้วไปเจอที่จุดนัดพบ จากนั้นให้ปีนเข้าไปในป้อม ศัตรูจะปาระเบิดขวดทำให้ในห้องไฟลุกไหม้ ให้รีบปีนออกมาจะเห็นเฮลิคอปเตอร์ และศัตรูไล่ตามมาให้วิ่งหนีไปที่เฮลิคอปเตอร์ กัปตันจะดึงตัวเราขึ้นไปก่อนที่ประสามทถล่ม แต่จากสภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้เฮลิคอปเตอร์ตก เมื่อกัปตันฟื้นขึ้นมาเห็นลาร่าสลบอยู่จึงเข้าไปช่วยแต่พวกศัตรูจะตามมาทำร้ายพร้อมปาขวานใส่ร็อบจึงสละตัวเองป้องกันให้ล่าร่าและเสียชีวิตที่นี่ แล้วเพื่อนๆ เราจะเข้ามารวมตัวกันและเสียใจกับการตายของกัปตัน ให้เดินไปตามแนวป่าจะพบพวกศัตรูกำลังเดินลาดตระเวนอยู่ ให้ซุ่มจัดการพวกมัน (ทางด้านขวาจะมี Secret Tomb อยู่) เมื่อเคลียร์เส้นทางแล้วให้ขึ้นเนินไปตรงเข้าไปในถ้ำข้ามสะพานไป ธนูเชือกดึงเปิดประตูเข้าไปจะพบห้องที่มีหมาถูกขังอยู่ในกรง ให้ปีนบันไดขึ้นไปบนแท่นทางซ้าย ใช้ธนูเชือกดึงศพที่แขวนให้ราวหมุนออกมา แล้วใช้มันกระโดดข้ามไปอีกฝั่ง ตรงเข้าไปจะพบเชือกที่ขึง ให้โหนตัวลงไปที่หอคอยกระเช้าที่อยู่ด้านใน แล้วให้กระโดดขึ้นกระเช้าเพื่อเข้าสู่หุบเขา Secret Tomb – Stromguard Sactum วิธีผ่าน ให้ใช้ธนูไฟยิงควันสีเหลืองให้ระเบิด แล้วให้รีบกระโดดปีนแผ่นไม้ตรงนั้นขึ้นมาชั้นบน จากนั้นให้ยิงจุดคบเพลิงที่แขวนอยู่ จะเห็นกองไม้ขวางทางอีกฝั่งให้ใช้ธนูไฟเผาแล้วค่อยกระโดดข้ามไปที่ฝั่งนั้นเพื่อเข้าไปเอาสมบัติ เมื่อกระเช้าเลื่อนมาถึงด้านในมันจะติดขัด ให้ใช้ธนูเชือกยิงใส่เชือกที่พันหอคอยที่อยู่ใกล้ๆ โรยตัวไปที่นั่นแล้วปีนบันไดขึ้นไปโหนเชือกไปที่เรือกที่แขวนอยู่แล้วจะมีศัตรูบุกเข้ามา จัดการพวกมันสักพักแล้วศัตรูจะยิงเชือกที่แขวนเรือจนขาดทำให้เรือพลิก ให้รีบปีนขึ้นไปแล้วกระโดดเกาะเชือกโรยตัวหนีไปลงไปข้างล่าง เดินไปตามทางจะพบกับท่าต่อเรือและเบสแคมป์ – Survivor’s Camp ให้ตรงไปที่เรือจะพบเพื่อนเรารออยู่ที่นั่น แต่ทว่าเรือใช้งานไม่ได้จำเป็นต้องหาอุปกรณ์มาซ่อม พวกเราจึงต้องแยกกันออกไปหาของให้ตรงไปที่ประภาคารโดยกดเรดาร์หาเป้าหมาย แล้วกระโดดข้ามสะพานขาดเข้าไปที่นั่น ระหว่างทางจะผ่านซากเรือจะมีพวกศัตรูเฝ้าอยู่ให้จัดการพวกมันแล้วปีนขึ้นไปบนเรือ ใช้ปืนยิงตัวล็อกสมอเรือให้ตกลงมา จะทำให้เสากระโดงเรือพาดไปอีกฝั่ง แล้วลาร่าจะหยิบตัวล็อกมาแล้วให้ย้อนกลับไปหาเพื่อนเรา สักพักจะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ให้รีบกลับไปช่วย จากนั้นโจน่าจะให้ธนูแบบใหม่แก่เรามาใช้ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถเจาะกำแพงปูนได้จากนั้นให้กดเรดาร์จะพบเป้าให้ตรงไปตรงจุดที่มีทุ่นสีแดงตรงทะเล ตรงนั้นจะมีกำแพงปูนอยู่ให้ใช้ธนูยิงเชือกไปติดแล้วปีนเชือกข้ามไปที่นั่นเพื่อตรงเข้าไปที่ประภาคารจะพบกลุ่มศัตรู จัดการพวกมันซะ เข้าไปด้านในต่อ (บ้านก่อนข้ามสะพานมี Secret Tomb อยู่) Secret Tomb – The Flooded Vault ขึ้นมากดสวิตช์สีเขียวบนห้องแล้วลงมากดสวิตช์เปิดประตูด้านล่าง จะพบว่าในห้องมีน้ำขังและมีกระแสไฟฟ้ารั่วอยู่ ให้เดินไปทางซ้ายจุดไฟเผาเชือกที่ผูกแพอยู่ และเดินไปทางขวาใช้ช็อตกันยิงทำลายแผ่นไม้ที่กั้นช่อง แล้วใช้ธนูเชือกยิงลากแพเข้ามาทางขวา ใช้แพเป็นแท่นกระโดดเข้าไปตรงกลาง จากนั้นมองขึ้นด้านบนจะเห็นแท่งเหล็กให้ใช้ธนูเชือกดึงจะทำให้ไฟสปอตไลท์ที่แช่น้ำอยู่ลอยขึ้นมาแล้วให้รีบวิ่งข้ามไปฝั่งตรงข้าม ดึงแพมาตรงสปอตไลท์แล้วดึงสปอตไลท์ขึ้นมาวางบนแพ ก็จะทำให้ไฟฟ้าไม่รั่วลงกระแสน้ำ แล้วเดินลุยน้ำไปทางซ้ายขึ้นไปเอาสมบัติ ข้ามสะพานไปแล้วตรงไปตามทางจะพบฐานทัพศัตรูอยู่ด้านใน ให้ใช้ธนูเชือกยิงไปเกาะหน้าผาข้ามเข้าไปจะพบศัตรูกำลังขนของกันอยู่ ให้ลอบจัดการพวกมันแล้วออกไปด้านนอกจะพบเบสแคมป์ แล้วให้โหนเชือกเข้าไปที่เรือที่กำลังสร้างอยู่ตรงกลางทะเล จะพบหัวหน้าและลูกเรือ 2 คน จัดการมันซะจะได้ไอเทม Rope Ascender ที่เป็นรอกช่วยดึงของหนักๆ เมื่อใช้ธนูเชือกยิงไปเกาะสิ่งของต่างๆ หรือจะไว้ช่วยดึงตัวเราไปยังเป้าหมายไว้ขณะไต่เชือกได้ด้วยจากนั้นให้ดึงกล่องเหล็กที่แขวนอยู่โดยใช้ธนูเชือก แล้วกด X ค้างจะเป็นการใช้รอกช่วยดึงทำให้มันตกลงใส่เรือจนเป็นหลุม ให้กระโดดลงไป ด้านในจะมีศัตรูอยู่ตามทาง จัดการแล้วเข้าไปต่อจะพบห้องมีน้ำขังด้านในจะพบอเล็กซ์บาดเจ็บอยู่แต่เข้าไปไม่ได้เพราะมีสายไฟขวางประตู เราจะต้องแก้ปริศนาในห้องนี้ โดยไปยืนหน้าประตูที่มีสายไฟขวางแล้วมองขึ้นไปบนเพดาน ใช้รอกดึงบันไดเลื่อนมาแต่มันจะติดท่อเหล็กขวางอยู่แล้วให้ใช้รอกดึงบันไดไปทางซ้าย จากนั้นดึงลงมาแล้วดันไปทางขวาจะสามารถปีนขึ้นไปด้านบนถีบท่อที่ขวางอยู่จนหลุด แล้วดึงบันไดกลับไปให้เหมือนตอนแรกแล้วใช้รอกดึงมาใส่ประตูอีกครั้งจะเปิดทางเข้าไปหาอเล็กซ์ได้ แต่ว่าเขาอาการสาหัสท่อเหล็กทับขาเขาอยู่แล้วจะมีศัตรูบุกเข้ามา จึงตัดสินใจสละตัวเองที่นั่นและให้อุปกรณ์กับลาร่าไปซ่อมเรือให้หนีออกมาก่อนที่เรือระเบิดกลับมาที่เบสแคมป์ แล้วใช้รอกดึกแท่งเหล็กบนประตูไม้ลงมาจะทำให้พื้นแตกเป็นช่องลงไปจะพบบันทึก จากนั้นกดดูเรดาร์นำทางเพื่อกลับไปหาเพื่อนเราที่ชายหาดและแจ้งการตายของอเล็กซ์กับเพื่อนๆ (เมื่อได้ Rope Ascender มาแล้ว ใกล้กับเบสแคมป์ – Survivor’s Camp จะมี Secret Tomb อยู่โดยเป็นเพิงที่มีเชือกพันให้ดึงออกก็จะพบทางเข้า) Secret Tomb – Temple of The Handmaidens วิธีผ่านคือ ให้หมุนเฟืองให้ทุ่นลอยไปทางซ้าย แล้วรีบขึ้นไปทางซ้าย รอทุ่นไหลไปชนแท่นไม้ให้หมุนมาใช้กระโดดเกาะข้ามไป แล้วใช้ธนูเชือกยิงแท่นไม้ด้านในให้หมุนแล้วรอให้ทุนมาชนให้หมุนอีกที จะมีแท่งให้กระโดดเกาะโหนไปเกาะหน้าผาปูนอีกทีแล้วปีนขึ้นไปเก็บสมบัติด้านบน ให้เดินไปที่ลิฟต์ใกล้ๆ หาด ใช้รอกดึงประตูออกสับสวิตช์ให้ลิฟต์ลงมาแล้วปีนขึ้นไปด้านบนแท็งค์จะพบกระเช้าให้ใช้ธนูเชือกดึงมาใช้มันเป็นแท่นกระโดดข้ามไปที่สถานีวิจัย Research Base ด้านบนจะมียามตรวจตราอยู่ ให้จัดการแล้วกระโดดไต่หน้าผาขึ้นมาด้านบนจะพบหินอุดช่องทางเข้าอยู่ ให้ใช้รอกดึงออกแล้วเข้าไปจะพบช่องให้ไต่ผนังลงมาแล้วปล่อยตัวตกลงมาที่ทางน้ำด้านล่าง ตรงเข้าไปจะพบเบสแคมป์ - Research Lab และศัตรูเดินลาดตระเวนอยู่ ให้จัดการแล้วตรงเข้าไปด้านกดสวิตช์ไฟสีเขียวเข้าไปจะพบลิฟต์ ให้กดสวิตช์เลื่อนลิฟต์ลงมาจะพบว่าเฟืองที่เลื่อนมีปัญหา (ให้กด LB จะเห็นตัวล็อกทั้ง 4 อัน ให้ปีนกล่องขึ้นไปถอดเฟืองอันแรกออก จากนั้นเดินเข้าไปในลิฟต์ ปีนช่องด้านในออกไปด้านหลังอ้อมมาปลดล็อกประตูทางขวา ขึ้นไปชั้น 4 กดลิฟต์แล้วเดินลงบันไดย้อนกลับไปที่ชั้น 3 ตรงใกล้ๆ สวิตช์มองขึ้นด้านบนจะพบบันได ปีนขึ้นไปทำลายเฟืองอันที่ 2 ให้ออกมากดลิฟต์ให้มาที่ชั้น 3 แล้วลงบันไดไปตรงระหว่างกลางชั้น 2 และ 3 จะมีที่ให้กระโดดขึ้นไปทำลายเฟืองชิ้นที่ 3 จากนั้นให้ขึ้นมาได้ที่ชั้น 4 กดสวิตช์ให้เลื่อนขึ้นมา กระโดดลงไปในลิฟต์แล้วกระโดดไปเกาะผนังที่ช่องแตกทางขวาจะเป็นทางเข้าไปทำลายเฟืองอันสุดท้าย แล้วให้ลงมาที่ชั้น 1 เข้าไปจะพบว่ามีพวกศัตรูเดินออกมตรวจสอบ ให้จัดการพวกมันแล้วตรงเข้าไปด้านในจะพบแท่นบูชาที่มีศพซามูไร ลาร่าจะเข้าไปสำรวจและดึงดาบที่ปักศพออกมา สำรวจที่ด้ามจะพบบันทึกที่ซามูไรคนนี้บันทึกไว้เกี่ยวกับราชินีฮิมิโกะ สักพักจะมีศัตรูบุกเข้ามา จัดการพวกมันแล้วปีนขึ้นมาด้านบนจะมีทางออกมาด้านนอกและจะได้สัญญาณติดต่อจากเพื่อนว่าถูกโจมตี ให้รีบกลับไปจะพบว่าแซมถูกจับตัวไปอีกแล้ว และลาร่าจะเล่าเหตุกาณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเพื่อนและตกลงกันว่าจะเข้าไปช่วยแซมและทำลายคำสาปที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้ จากนั้นขึ้นไปที่เรือซึ่งตอนนี้เพื่อนเราซ่อมเสร็จแล้ว ออกเดินทางเข้าไปในหุบเขาจะพบแซมกำลังถูกคุมตัว เข้าไปด้านในวิหารที่มีซามูไรเฝ้าอยู่ ดอกเตอร์วิทแมนจะทำเก่งเข้าไปคุยแต่ก็ถูกซามูไรฟันตายคาที่ แต่มาเทียสก็อาศัยจังหวะลอบพาแซมเข้าไป เมื่อเราตามเข้าไปก็เกิดพายุพัดถล่มจนสะพานขาด จากนั้นให้มองไปทางขวาจะเห็นกำแพงหินปูนให้ใช้ธนูเชือกไปเกาะข้ามไปลอบเข้าไปในวิหาร ตรงเข้าไปจะพบห้องที่เป็นทางตัน ให้ใช้ไฟจุดเผากองไม้กำแพงกลางห้องจะพบทางเข้าเมื่อลอดเข้าไปจะพบกองทัพซามูไรเดินขบวนอยู่ ให้เดินลอบข้ามไปอีกฝั่งไต่ผนังข้ามไปที่ช่องหน้าต่างที่แตกด้านในแต่เมื่อกระโดดไปเกาะมือจะไปโดนเศษกะโหลกที่อยู่แถวนั้นตกหล่นมาทำให้ซามูไรรู้ตัวออกไล่ตามเรา ให้รีบวิ่งจะมีซามูไรตามมาอีก 3 ตัว จัดการแล้วตรงเข้าไปต่อจะพบเบสแคมป์ – Sheltered Hallwayตรงไปต่อจะพบแซมกำลังถูกพาเข้าไปที่วิหาร ให้ตามเข้าไปจะพบพวกซามูไรออกมาขวางและแห่ออกมาจัดการเราเป็นจำนวนมาก ให้จัดการทีละตัวบุกเข้าไปถึงหน้าวิหารจะมีซามูไรยักษ์ปรากฏตัวออกมา ขณะที่มันออกมาทำร้ายเรา ลมได้พัดเข้ามาแรงมากจนทำให้มันปลิวกระเด็นเปิดโอกาสให้เข้าไปในวิหารได้อย่างง่ายดาย ให้เปิดประตูเข้าไปจะพบห้องให้แก้ปริศนา โดยให้เดินไปทางซ้ายจะมีที่ให้กระโดดเกาะขึ้นชั้นลอยแล้วเดินอ้อมมาที่เฟืองฝั่งขวา เข้าไปหมุนเปิดพื้นที่อยู่ตรงกลางห้อง แล้วข้ามไปหมุนเฟืองที่อยู่ฝั่งซ้ายดึงกรงเหล็กขึ้นมา แล้วย้อนกลับไปฝั่งขวาหมุนเฟืองปิดพื้น และกลับไปฝั่งซ้ายหมุนเฟืองอีกทีให้กรงเหล็กเลื่อนลงมาบนพื้น จากนั้นขึ้นไปชั้นลอย ใช้ธนูเชือกดึงกรงเหล็กให้ลอยทุบประตูฝั่งตรงข้ามจะเห็นช่องแตกด้านบน ให้ใช้ธนูดึงอีกทีแล้วให้รีบกระโดดขึ้นไปบนนั้น รอมันแกว่งไปที่ประตูฝั่งตรงข้าม ค่อยกะจังหวะกระโดดข้ามไปด้านใน แล้วเปิดประตูข้ามสะพานเข้าไปที่วิหาร จะพบแซมถูกลากเข้าไปด้านใน และจะมีไฟไหม้ลุกขึ้นมาปิดทางเข้า ให้เข้าช่องทางซ้ายยิงธนูเชือกไต่ขึ้นไปด้านบน จะพบห้องที่มีระฆังแขวนอยู่ ให้มายืนทางซ้ายของระฆังแล้วยิงธนูดึงระฆังจะถูกลงแกว่งไปชนประตูจนพัง ให้เข้าไปแล้วปีนขึ้นชั้นบน แล้วมองบนเพดานจะมีระฆังแขวนอยู่อีกใบ ให้ใช้ธนูยิงแล้วไต่เชือกเข้าไปด้านใน แล้วเพื่อนเราจะติดต่อมาว่าพวกสาวกจำนวนมากได้บุกเข้ามา ให้รีบปีนขึ้นไปด้านบนจะพบมาเทียสกำลังบูชายัญแซมตรงกลางวิหาร ให้รีบวิ่งเข้าระหว่างทางจะมีศัตรูคอยออกมาขวางตามรายทาง จัดการพวกมันซะจนสุดทางจะพบกับซามูไรยักษ์ที่ถูกลดพัดไปและเราจะต้องจัดการมัน วิธีจัดการคือ อย่าเข้าไปใกล้ เพราะจะถูกมันจับเหวี่ยงออกมาทันที ให้คอยจังหวะที่มันฟันแดชอ้อมมาด้านหลังแล้วกระหน่ำยิง ให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ามีลูกสมุนมันออกมาก็ให้จัดการพวกมันก่อน แล้วค่อยไปจัดการบอสด้วยสเต็ปเดิม มีกระสุนเท่าไหร่จัดให้หมดเพราะเป็นบอสตัวสุดท้ายแล้ว เมื่อเข้ามาถึงใจกลางวิหาร มาเทียสจะออกมาขวางลาร่าจะจัดการกับมาเทียสแล้วใช้คบเพลิงปักใส่อกฮิมิโกะทำให้ร่างกายของเธอแตกสลายไปพร้อมกับคำสาปบนเกาะนี้ ลาร่าจะพาแซมกลับไปพบเพื่อนทั้งสองคนและเดินทางออกจากเกาะ พร้อมกับปิดการเดินทางอันแสนโหดร้ายในครั้งนี้
ที่มา : www.os.co.th
ที่มา : www.os.co.th